ประวัติของ ลิโอเนล เมสซี่

lionel-messi-ballon-dor-2012

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ : ลิโอเนล เมสซี่ Lionel Messi

วันเกิด : 24 มิถุนายน พ.ศ. 2530

เกิดที่ : โรซารีโอ อาร์เจนตินา

สูง : 1.69 เมตร (6 ft)

ตำแหน่ง : กองหน้า / ปีก

ข้อมูลการค้าแข้ง

สโมสรปัจจุบัน : บาร์เซโลนา

หมายเลขเสื้อ : 10

ประวัติ : ลิโอเนล เมสซี่

ลีโอเนล เมสซี่ เป็นนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา ปัจจุบันเล่นอยู่ในสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาและทีมชาติอาร์เจนตินา ในตำแหน่งกองหน้าหรือปีก เขายังถือสัญชาติสเปนอีกด้วย ซึ่งทำให้เขาถือว่าเป็นนักฟุตบอลยุโรป เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในยุคนี้

เมสซี ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปและรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปีเมื่อเขาอายุ 21 ปี และได้รับรางวัลในปี ค.ศ. 2009 (นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปและรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี ค.ศ. 2009) และได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี ค.ศ. 2010 และ 2011 โดยเมสซี่ยังถูกเปรียบเทียบถึงสไตล์การเล่นของเขาและความสามารถว่าเหมือนเดียโก มาราโดน่า ซึ่ง มาราโน่าเองก็ยกย่องเมสซี่ว่าเป็นสุดยอดผู้เล่นและจะเป็นตำนานเหมือนกับเขา

เมสซี่ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อยและบาร์เซโลนาก็ค้นพบความเก่งกาจของเขาอย่างรวดเร็ว โดยเมสซี่ออกจากทีมเยาวชนสโมสรกีฬานิวเวลส์โอลด์บอยส์ เมืองโรซารีโอ เมื่อปี ค.ศ. 2000 ที่เขาฝึกฝนฟุตบอลอยู่ และย้ายไปอยู่ยุโรปพร้อมครอบครัว แต่เมสซี่ซึ่งมีโรคขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโตติดตัวมา และทางบาร์เซโลน่าก็เสนอในการรักษาโรคนี้ให้กับเมสซี โดยเมสซี่ลงเตะให้กับบาร์ซ่าครั้งแรกในฤดูกาล 2004-–05 และทำลายสถิติของทีม โดยเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลีกได้ ฤดูกาลแจ้งเกิดของเมสซี่คือฤดูกาล 2006-07 เขาเป็นผู้เล่นในทีมชุดใหญ่เต็มตัว และทำแฮตทริกได้ในศึกเอลกลาซีโก พอจบฤดูกาลเมสซี่ยิงประตูรวม 14 ประตู 26 เกมในลีก จากนั้นเมสซี่ก็ประสบความสำเร็จในอาชีพของเขาในฤดูกาล 2008-09 เขายิงประตู 38 ประตู เป็นนักเตะสำคัญของทีมในการเก็บชัยชนะ 3 รายการในฤดูกาลเดียว แต่แล้วสถิตินี้ก็ถูกทำลายไปในฤดูกาลถัดมา เมสซี่ฟอร์มร้อนแรงยิ่งขึ้น ในฤดูกาล 2009-10 เขายิงประตูไป 47 ประตูในทุกการแข่งขัน เทียบเท่าสถิติของโรนัลโด้(บราซิล)ที่เคยทำให้กับบาร์เซโลน่า แต่เมสซี่ก็มาทำลายสถิติของตัวเองอีกครั้งในฤดูกาล 2010-11 กับประตู 53 ประตูในทุกการแข่งขัน

เมสซีเป็นหนึ่งในนักเตะของบาร์ซ่าที่คว้าแชมป์ลาลีกา 5 ครั้ง แชมเปียนส์ลีก 3 ครั้ง ยิงประตูได้ 2 ประตูในนัดชิงชนะเลิศ กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งในปี ค.ศ. 2009 และ 2011 แต่เมสซี่พลาดการลงสนามในนัดที่บาร์เซโลน่าชนะอาร์เซนอลในปี ค.ศ. 2006 แต่ก็ได้รับเหรียญทองในฐานะผู้เล่นในการแข่งขัน และฤดูกาล 2010–11 ในรายการแชมเปี้ยนส์ลีก เมสซีถือว่าเป็นนักฟุตบอลที่ยิงประตูได้สูงสุดอันดับ 3 รองจากเกิร์ด มึลเลอร์และฌ็อง-ปีแยร์ ปาแป็ง แต่อย่างไรก็ตามเมสซี่เป็นนักเตะคนแรกที่ได้รับรางวัลผู้ทำประตูสูงสุดในแชมเปี้ยนส์ลีก 3 ปีติดต่อกัน หลังจากที่รายการนี้เปลี่ยนระบบการแข่งขันในปี ค.ศ. 1992

เมสซี่ ลงแข่งอย่างเป็นทางการครั้งแรกกับทีมชุดใหญ่เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 ขณะที่อายุได้ 16 ปี 145 วัน ในนัดกระชับมิตรกับสโมสรฟุตบอลปอร์ตู ต่อมาไม่ถึงปี ฟรังก์ ไรการ์ด (Frank Rijkaard) ให้เขาลงแข่งในลาลีกาครั้งแรกในนัดเจอกับ เอสปาญอล เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2004 (ขณะอายุ 17 ปี 114 วัน) ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ที่เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า และเป็นผู้เล่นสโมสรที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นในลาลีกา แต่ต่อมาสถิตินี้ถูกทำลายโดยเพื่อนร่วมทีมบาร์เซโลนา โบยาน เกอร์กิช และเมื่อเขาทำประตูแรกในทีมชุดใหญ่ให้กับสโมสรที่แข่งกับอัลบาเซเตบาลอมเปีย เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2005 ขณะที่เมสซีอายุ 17 ปี 10 เดือน 17 วัน ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลาลีกา ให้กับทีมบาร์เซโลน่า แต่สถิติก็ถูกทำลายอีกครั้งโดยโบยาน เกอร์กิชในปี ค.ศ. 2007 ที่ยิงประตูจากการจ่ายของเมสซี และเมสซียังได้กล่าวเกี่ยวกับอดีตโค้ชของเขาฟรังก์ ไรการ์ดว่า “ผมจะไม่มีวันลืมความจริงที่ผมได้เริ่มต้นอาชีพของผมนี้ ว่าเขาได้สร้างความเชื่อมั่นในตัวผม ขณะที่ผมอายุเพียง 16 ย่าง17 ปีเท่านั้น”

แต่ในระดับทีมชาตินั้น เมสซี่ ยังคงไม่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งยังคงไม่ได้แชมป์โลกในยุคที่มีเมสซี่ แต่เมสซี่อายุถือว่ายังไม่มากนัก และยังมีโอกาศที่จะคว้าเกียรติยศอันสูงสุดนี้มาครองได้อีกหลายปี

สถิติ : ลีโอเนล เมสซี่่

แชมป์ที่ได้กับบาร์เซโลนา
ลาลีกา: 5
2004–05, 2005–06, 2008–09, 2009–10, 2010–11
โกปาเดลเรย์: 1
2008–09
ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา: 4
2005, 2006, 2009, 2010
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 3
2005–06, 2008–09, 2010–11
ยูฟ่าซูเปอร์คัป: 2
2009, 2011
ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัป: 2
2009, 2011
แชมป์ที่ได้อาร์เจนติน่า
ฟุตบอลโลกอายุไม่เกิน 20 ปี: 1
2005
เหรียญทองโอลิมปิก: 1
2008

เทคนิคสอบเข้างานราชการ

เทคนิคการสอบเข้าราชการ

งานราชการ1. เตรียมตัวอย่างไรให้พร้อมสำหรับการสอบ การสอบแข่งขัน การสอบคัดเลือก การคัดเลือกในภาคราชการมีระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการสรรหาบุคคลเข้ารับงานราชการด้วยระบบคุณธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการสอบข้าราชการ จึงต้องเตรียมความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน คือ

1.1 จัดหาเอกสารหรือหนังสือสำหรับเตรียมสอบงานราชการ วิธีการหาหนังสือหรือเอกสารเตรียมสอบ มีดังนี้

  • หนังสือหรือเอกสารมีเนื้อหาที่ตรงตามหลักสูตรสอบแข่งขันฯ มีเนื้อหาสาระใหม่ ทันเหตุการณ์ปัจจุบัน
  • เลือกหนังสือทั้งที่เป็นเนื้อหาโดยละเอียด เนื้อหาสรุปและหรือหนังสือที่เป็นแบบฝึก
  • เลือกหนังสือหลายๆ เล่ม เจ้าของหรือผู้แต่งที่เชื่อถือได้
  • ควรเลือกหนังสือภาคความรู้ทั่วไป เช่น หนังสือวัดความถนัดต่าง ๆ เป็นตั้น พร้อมทั้งมีตัวอย่างแบบฝึกและข้อสอบ
  • ควรเลือกหนังสือเฉพาะเรื่อง ในภาคการศึกษา เช่น จิตวิทยาการศึกษา เทคโนโลยีการศึกษาหลักสูตรและการสอน เป็นต้น ส่วนมากจะมีในสถาบันการศึกษา และหนังสือเตรียมสอบทั่วไปซึ่งส่วนมากจะเป็นเนื้อหา โดยสรุป
  • ภาคกฎหมายการศึกษาหรือกฎหมายปฏิบัติงานราชการ หนังสือที่เหมาะคือหนังสือเตรียมสอบโดยทั่วไปเพราะมีทั้งเนื้อหาโดยละเอียดและสรุปไว้แล้ว มีตัวอย่างแบบ ทดสอบให้ทำด้วย
  • ภาควิชาเฉพาะวุฒิหรือวิชาเอก ควรเลือกหนังสือ ตำราเรียน หนังสือสรุปเนื้อหา หรือหนังสือเตรียมสอบเข้าเรียนระดับชั้นต่างๆ ไม่ควรยึดหนังสือเตรียมสอบฯเป็นหลักเพราะเนื้อหามีน้อย
  • หนังสือรวมข้อสอบฯ หรือหนังสือที่มีตัวอย่างข้อสอบให้ฝึกทำ ก็เป็นสิ่งจำเป็นควรมีไว้เพื่อฝึกทักษะการทำข้อสอบ เพื่อเป็นการทบทวนความรู้

1.2. วิธีการอ่านหนังสืออย่างไรให้จำได้เร็ว เทคนิคการอ่านหนังสือ มีดังนี้

  • ศึกษาหลักสูตรการสอบแข่งขันฯ ให้เข้าใจและจัดหมวดหมู่ของเนื้อหา หนังสือ
  • ภาคความรู้ความสามารถทั่วไป ควรศึกษาโดยวิธีฝึกทำข้อสอบ ดูเฉลยและทำความเข้าใจ เรื่องไหนที่ยากควรทำจุดสังเกตไว้ในหนังสือหรือบันทึกสรุปวิธีการหรือหลักการหาคำตอบไว้ในสมุดบันทึกใช้ทบทวนใน คราวต่อไป
  • วิชาการศึกษา ควรศึกษาเป็นเรื่องๆ ตามกรอบหลักสูตรสอบฯโดยใช้หนังสือหรือเอกสารหลายๆเล่มประกอบกัน ทำจุดสังเกตไว้ในหนังสือ หรือสรุปเนื้อหาไว้ในสมุดบันทึก ใช้ทบทวนในคราวต่อไป
  • วิชาเอกหรือวิชาเฉพาะวุฒิ ควรศึกษาในสองลักษณะ คือ ลักษณะการจัดการเรียนการสอนวิชานั้นและเนื้อหาสาระของวิชานั้นๆ ในประเด็นสำคัญ สรุปและบันทึกสาระสำคัญเอาไว้ ฝึกทำข้อสอบวิชานั้น ๆ
  • ควรวางแผนในการศึกษาหรืออ่านหนังสือทั้งในเรื่องสถานที่ เวลา เนื้อหาวิชาตามความถนัดและความสะดวกของตนเอง เวลาที่เหมาะสำหรับอ่านหนังสือที่บ้านควรจะเป็นตอนเช้าประมาณ 04.00 -06.00 นาฬิกา
  • นอกจากการศึกษาเอกสารแล้วสื่อเอกสารอย่างอื่นก็เป็นสิ่งจำเป็น เช่น การพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน การสอบถามหรือปรึกษากับครู อาจารย์ หรือผู้รู้ฯ การเข้ารับการอบรมสัมมนา(ติวสอบฯ) เป็นสิ่งจำ เป็น เพื่อรู้ความ เคลื่อนไหวปัจจุบัน
  • การติดตามความเคลื่อนไหวทางการศึกษา สังคม เศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากเพราะเนื้อหาเหล่านี้จะกำหนดในหลักสูตรสอบฯ และออกข้อสอบทุกครั้ง

1.3. วางแผนในการสอบอย่างไรให้ได้ผล ควรวางแผนการสอบตั้งแต่การเดินทาง การเข้าที่พัก การไปดู สนามสอบหรือห้องสอบ การทำข้อสอบและการเดินทางกลับ ดังนี้

  • ควรออกเดินทางไปถึงสถานที่หรือภูมิภาคสอบฯ อย่างน้อย 1วัน เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อน ไปดูสนามสอบฯ
  • เตรียมเอกสาร วัสดุ อุปกรณ์ หรือของใช้ส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง สิ่งที่จะลืมไม่ได้ คือ บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบฯ ปากกา ดินสอ และยางลบ (ใช้สำหรับฝนหรือระบายข้อสอบ) ยารักษาโรคประจำตัว(ถ้ามี) และหนังสือ หรือสรุปย่อเนื้อหาที่ได้จัดทำไว้แล้ว
  • คืนก่อนสอบ ให้ทบทวนเนื้อหาตามหลักสูตรสอบฯ เล็กน้อย หลังจากนั้นให้รีบเข้านอน
  • ในวันสอบ หลังจากภารกิจส่วนตัวเรียบร้อย ควรไปถึงสนามสอบก่อนเวลาสอบ อย่างน้อย 1 ชั่วโมง
  • ก่อนถึงเวลาสอบประมาณ 5-10 นาที ควรตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง เข้าห้องน้ำทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย
  • เมื่ออยู่ในห้องสอบให้ปฏิบัติตามระเบียบของการสอบ หรือตามที่กรรมการคุมห้องสอบชี้แจง ให้ตั้งสติ ให้ดี มีสมาธิและวางแผนการทำข้อสอบ

1.4. การบริหารจัดการระหว่างทำข้อสอบกรณีข้อสอบเป็นปรนัย (ชนิดตัวเลือก)

  • การบริหารเวลาในการสอบโดยตรวจสอบเวลาที่จะใช้ในการทำข้อสอบ แล้วคำนวณระยะเวลาในการทำข้อสอบ (โดยปกติมาตรฐานข้อสอบจะใช้เวลาทำข้อละ 1 นาที )ให้ชำเลืองดูนาฬิกาขณะทำข้อสอบเป็นระยะ ทำข้อสอบทีละ ข้อ โดยอ่านคำถามและทำความเข้าใจอย่างละเอียด
  • กรณีข้อสอบที่ต้องใช้วิธีคำนวณหรือจำเป็นต้องขีดเขียนเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ให้ขีดเขียนลงในกระดาษคำถามได้ (อย่าใส่ใจกับข้อห้ามที่บอกว่าห้ามขีดเขียนใดๆ ลงบนข้อสอบเกินไปนัก)
  • เมื่อทำข้อสอบครบทุกข้อแล้ว หากยังเหลือเวลาอย่าเพิ่งรีบออกจากห้องสอบให้กลับมาทบทวนข้อที่ยากหรือยังทำไม่ได้
  • หากใกล้หมดเวลาสอบแล้วยังทำไม่เสร็จ หรือข้อสอบจำนวนมาก ให้ใช้วิธีการเดา

1.5. การบริหารจัดการระหว่างทำข้อสอบกรณีข้อสอบเป็นอัตนัย (อธิบาย)

  • ตรวจสอบดูว่าข้อสอบมีกี่หน้า คำถามครบทุกข้อหรือไม่ และอ่านคำชี้แจงให้เข้าใจ โดยเฉพาะประเด็นให้ทำกี่ข้อ
  • ให้ทำข้อที่ง่ายก่อน วางกรอบหรือทิศทางของคำตอบว่าจะตอบอะไรก่อนหลัง ควรอธิบายให้ชัดเจน กะทัดรัด แต่ตรงประเด็นมากที่สุด ไม่ควรบรรยายแบบน้ำท่วมทุ่ง เพื่อให้ได้คำตอบมากๆ ครบจำนวนหน้ากระดาษ เท่านั้น และควร เขียนอย่างบรรจง ประณีตที่สุดเท่าที่จะทำได้

1.6. การปฏิบัติตัวหลังจากสอบเสร็จ ควรทำใจให้สบายถ้าหากเรามั่นใจและเตรียมตัวมาอย่างดี เราต้องสอบได้แน่ๆ หากเป็นเวลาพักเที่ยงควรรีบไปรับประทานอาหารกลางวันให้อิ่มและ พักผ่อน หรือถ้า ไม่มีสอบแล้วให้กลับไปพักผ่อนและเตรียมตัวสอบในวันถัดไป

2. เทคนิคการเลือกคำตอบที่ ถูกของงานราชการ

2.1. เทคนิคการเลือกคำตอบข้อสอบภาคความรู้ความสามารถทั่วไปของงานราชการ คือ ต้องรู้ หลักการ วิธีการคิด สูตรทางคณิตศาสตร์หรือ พีชคณิต การฝึกทำข้อสอบประเภทนี้บ่อยๆ จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทำให้รู้ จำ และ เข้าใจหลักการ วิธีการคิด หรือสูตรการคิดได้อย่างรวดเร็วและจะทำเกิดความมั่นใจในที่สุด

2.2 เทคนิคการเลือกคำตอบข้อสอบภาคความสามารถเฉพาะตำแหน่ง ลักษณะคำถาม 20 ประเภท ของข้อสอบภาคความสามารถเฉพาะตำแหน่ง โดยสรุปพอสังเขป ได้แก่

  • คำถามเกี่ยวกับพระบรมราโชวาท พระราชดำรัส แนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์
  • คำถามเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวหรือแนวโน้มใหม่ทางด้านการศึกษา
  • คำถามเกี่ยวกับความรอบรู้ (ความเคลื่อนไหวทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจและการปกครองและการต่างประเทศ)
  • คำถามที่เกี่ยวกับ มติหรือนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้มีในหลักสูตรการสอบแข่งขันหรือการคัดเลือก ข้าราชการ
  • คำถามเกี่ยวกับนโยบายหรือโครงการของกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • คำถามเกี่ยวกับ หลักการ แนวคิด ทฤษฎีหรือสาระสำคัญ หลักการ ของเรื่องนั้นๆ
  • คำถามเกี่ยวกับ วัน เวลา จำนวน สถานที่หรือ ตัวเลข
  • คำถามเกี่ยวกับ บุคคล หน่วยงาน องค์กรที่ตนเองปฏิบัติงาน หรือหน่วยงานต้นสังกัด
  • คำถามที่มีคำว่า ไม่ ไม่ใช่ ผิด ไม่ถูกต้อง แตกต่างไปจากพวก หรือยกเว้น
  • คำถามที่เป็นมีศัพท์ภาษาอังกฤษ หรือสำนวน ให้แปลความ หรืออธิบาย
  • คำถามที่มีประเด็นคำถามหลายประเด็นในข้อเดียวกัน
  • คำถามที่ถามถึงขั้นตอนการดำเนินงานหรือกิจกรรมต่างๆ
  • คำถามที่ถามถึงประเด็นที่สำคัญที่สุด
  • คำถามที่มีตัวเลือกถูกทุกข้อ หรือถูกหลายข้อ
  • คำถามวิเคราะห์ เช่น ความเข้าใจและการนำไปใช้, หลักการ หรือนิยามศัพท์, ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน, สาระตามข้อบัญญัติของระเบียบหรือกฎหมาย, เป้าหมาย ผลลัพท์ หรือผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา, ถ้อยคำ วลีที่เป็นตัวชี้วัด ของประเด็นคำถาม

3. เทคนิคในการเข้าสอบสัมภาษณ์ การสอบสัมภาษณ์และการให้ คะแนน จะพิจารณาในด้านต่างๆ ดังนี้

  • ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน (ถ้ามี) ประสบการณ์การทำงาน (ถ้ามี)
  • บุคลิกภาพด้านต่างๆ รวมทั้งอุปนิสัยของผู้ที่จะเข้ารับงานราชการเป็นข้าราชการครู
  • ท่วงทีวาจา ปฏิภาณไหวพริบ ของข้าราชการ
  • คุณธรรม จริยธรรม และเจตคติ ของข้าราชการ
  • ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ของข้าราชการ
  • ความรู้ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ
  • อื่นๆ ตามหน่วยงานผู้สอบฯกำหนด

เทคนิคการสอบสัมภาษณ์

เทคนิคการสอบสัมภาษณ์ 

การเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์
มีคำกว่าว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นเอง เราจะต้องเตรียมหาข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย คณะที่เราจะเลือก รวมไปถึงความรู้รอบตัวทั่วไปที่เกี่ยวกับสาขาวิชานั้นๆ

การแต่งกาย
อันนี้เป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้เลย เราควรจะต้องแต่งตัวให้ถูกระบียบทุกประการ เสื้อผ้าไม่จำเป็นต้ิองใหม่แต่ต้องสะอาด ไม่ยับยู่ยี่ สำหรับผู้ชายวันนั้นขอแนะนำให้ตัดผมสั้นหน่อยก็ดี ผู้หญิงก็มัดรวบผมให้เรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องวงเเว๊กขัดเงาต่างๆ สำหรับคุณน้องผู้หญิงพวกเครื่องประดับ สร้อยแหวน ข้อมือ ต่างเป็นไปได้ถอดให้หมด น้ำหอมก็ไส่แต่พองาม ใส่มากไปจากหมอจะกลายเป็นฉุน สำหรับเรื่องแต่งหน้าเเปะแป้งธรรมดาก็ไป ไม่ต้องเขียนขนตา ทาปากเหมือนกับไปเที่ยวสยามนะครับอิอิ

ควรเตรียมอะไรไปบ้าง
เราควรจะเตรียมเอกสารทั้งหมดก่อนวันสัมภาษณ์นะครับ ไม่ใช่ไปเตรียมตอนรุ่งเช้าแบบนี้จะยุ่งมากทำให้เราไปสายได้ การเตรียมเอกสารก็ควรหาเเฟ้มที่มีหลายช่องเพื่อจะได้แยกเอกสารแต่ละชนิด จะได้หาได้ง่ายเวลานำออกมาใช้ รูปถ่าย gpa หลักฐานต่างๆ รวมทั้ง ปากกาและก็ที่ลบคำผิด จะได้ไม่ต้องยืมคนอื่นเหมือนตอนอยู่โรงเรียนนะ 555

คืนก่อนสัมภาษณ์
ก็ตามสูตร ดื่มวีต้าแล้วไปนอนซะแล้วก็รีบนอน ( หลายคนระวังตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ก็พยายามนับเเกะเอานะครับ ) โดยพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจี๊ดจ๊าดต่างๆ ตั้งแต่ก่อนวันสัมภาษณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา โจรโผกผ้าเหลืองบุก ( ท้องเสีย) ถ้ามีสัมภาษณ์ตอนประมาณช่วงเช้ายังไงก็ควรกินอาหารเช้าด้วยนะครับเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องและเลี่ยงปัญญาท้องร้องตอนสัมภาษณ์ = = สำหรับอาหารก็ควรทานอาหารจำพวกย่อยง่าย เช่นโจ๊ก งดอาหารพวกนมและของมันและครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลมเพราะจะทำให้ท้องอืดและมีอาการเรอได้ และควรเขี้ยวอาหารให้ระเอียด (ท่าทางจะแนะนำอาหารละเอียดเกินไป)

เดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์
ต้องหาข้อมูลให้ชัดเจน และต้องแน่ใจว่าเขานัดสัมภาษณ์ที่ใด ถ้าไม่แน่ใจให้เดินทาง ไปดูล่วงหน้าก่อน แต่ที่ดีที่สุดควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์ล่วงหน้าประมาณสัก 15 นาที จะทำให้เรามีสมาธิ และมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น แต่ถ้าไปถึงล่วงหน้าเป็นชั่วโมง ก็ดีแต่อาจจะทำให้คุณรอนานอาจเกิดความหงุดหงิด เสียสมาธิได้ และควรไปคนเดียว ถ้าไม่จำเป็นอย่าพาผู้อื่นไปด้วยเยอะจะทำให้เราพะวง เห็นหลายคนยังไปปิกนิกเล่นพามาทั้งครอบครัว กำลังใจเพียบ 5555 ครอบครัวเรามันช่างอบอุ่นอะไรเช่นนี้ อ๋อแล้วอีกอย่างผู้ติดตามก็ควรแต่งกายสุภาพด้วยนะครับ

นั่งรอสัมภาษณ์
ช่วงก็พยายามทำใจให้สบาย นึกถึกพ่อเเก้วแม่เเก้วไว้ อย่าทำหน้าเหมือนไม่ได้อึมาหลายวันหละ และก็ควรจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยการทบทวนความรู้รอบตัวต่างๆ ถ้าได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก็ควรพูดคุยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส อ๋อระหว่างนั่งรอก็นั่งให้มันเรียบร้อยหน่อยครับ อย่ากระดิกเท้า นั่งถ่างขา นั่งยืดขา แขะขีมูกด้วย 555 อ๋อก่อนเข้าห้องอย่าลืมปิดมือถือให้เรียบร้อย = =

เมื่อถูกเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์
ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ลองหายใจลึก ๆ แต่อย่ามากอาจหน้ามืดก่อน (และก็ควรบอกกับตัวเอง เรายอด เราเยี่ยม เราทำได้ สร้างขวัญและกำลังใจ ห้ามคิดเด็ดขาดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ ok ) และก็เดินลุกอย่างสง่างามเขาไปที่สัมภาษณ์ ถ้ามีประตูควร เคาะ ประตู เสียก่อน ตามมารยาท ยกมือวันทาด้วยท่าทางสุภาพ ควรไหว้ประธานหรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดเพียงผู้เดียวถ้านั่งอยู่หลายคน โดยทั่วไปมัก นั่ง ตรงกลาง เรื่องนี้ ใช้ไหวพริบเองก็แล้วกัน อย่าเพิ่งนั่งจนกว่าจะได้รับอนุญาต หรือ คำเชิญจากผู้สัมภาษณ์ แต่ถ้รู้สึกว่าลมมันเย็นหรือยืนนานเกินไปแล้วผมว่าเราอณุญาตินั่งก็ได้ กล่าวขอบคุณครับ แล้วเราก็นั่งให้หัวใจเต้นเบาลง ตั้งสติก่อนสตารท์เอ๋ยก่อนสัมภาษณ์ พอนั่งแล้วก็จัดวางตัวเองอยู่ในที่เรียบร้อย หลังห้ามงอ หน้ามองตรง และที่สำคัญ ยิ้มสยาม

การวางตัวในขณะสัมภาษณ์
ทำหน้ายิ้มไว้ สบสายตาผู้สัมภาษณ์มีหลายคนชอบมองเพดานหรือมองหาเศษเหรียญตามพื้นถ้าโชคดีอาจจะได้เจอแบงค์พันก็ได้ 555 ถ้าคนสัมภาษณ์มีหลายคนก็ควรแจกจ่ายสายตาให้ทั่วถึงด้วยแต่ก็เน้นไปที่คนใหญ่คนโต ควรนั่งในท่าสุภาพ ไม่เกร็ง วางแขนไว้ที่ตัก อย่าสั่นขา การตอบคำถามควรลงท้ายด้วย “ครับ”, “ค่ะ” เสมอ ไม่ควรตอบเฉพาะคำถามห้วนๆ ไม่ควรพูดสอดแทรกในขณะที่ผู้สัมภาษณ์กำลังพูด ถ้าอาจารย์เกิดแนะนำตัวเองด้วยการบอกชื่อขึ้นมาน้องควรจะจำให้ได้ แล้วต่อไปก็ต้องเรียกชื่อของอาจารย์ ( ส่วนใหญ่คนสัมภาษณ์จะไม่ค่อยบอกชื่อตัวเอง ถามชื่อคนอื่นไม่บอกชื่อตัวเอง ไม่มีมารยาทเลยเนอะ ฮาฮา )

การตอบคำถาม
จงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ฉะฉาน พูดให้เป็นธรรมชาติด้วยเสียงที่พอเหมาะอย่าค่อย หรือดังเกินไป จงพูดเท่าที่จำเป็นอย่าคุยโม้โอ้อวด หรือถ่อมตนมากเกินไป ห้ามพาดพิงให้ร้ายพูดถึงคนอื่นในแง่ลบ จงพูดในสิ่งที่เป็นความจริงและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำถามและเป็นประโยชน์ สำหรับคุณให้มากที่สุด ดังนั้นเราก็ควรจะฝึกพูดกับตัวเองหรือหน้ากระจกด้วยนะครับ เพื่อจะได้ไม่ประม่า และก็หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์เฉาพกลุ่มต่างๆนานา เช่น มันเริ๋ดจริง ด๋อย เกรียน สมัยนี้คงไม่มีใช้คำว่าจ๋าบละมั้งสมัยก่อนฮิตกันมาก = = แล้วอีกอย่างคือห้ามเถียง ถึงเถียงชนะแต่เราก็อาจจะสอบไม่ติดได้ = = การตอบคำถามทุกคำถามควรจะพูดความจริง เพราะว่าคนสัมภาษณ์เขามีประสบการณ์เ้ยอะ ( ก็อายุเยอะแล้ว ) ดังนั้นถามถ้าเราโกหกอะไรไปพวกเขาจะจับผิดได้ 99% ยกเว้นน้องจะมีความวชาญพิเศษในด้านก็ตามแต่ก็ไม่ควรจะเสี่ยง

คำถามยอดฮิต
1. เล่าประวัติแบบย่อ ๆของคุณให้ฟังหน่อยครับ / แนะนำตัวให้กรรมการฟังหน่อยครับ ถามมาแบบนี้ จะถามทำไม ก้อดูเอาในประวัติสิคับ—–อย่าตอบไปเด็ดขาดเลยนะ เหอๆ (คิดในใจก้อพอ) ที่เค้าถามน่ะเพื่อดูภาพรวม, การแสดงความคิดเห็นของตนเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องง่าย เราก็ควรจะจัดลำดับคำตอบให้ดีนะ เรื่องของตัวเอง Present ให้เต็มที่เลย แต่ทว่า อย่าไปพูดวกไปวนมา หรือยืดยาวจนเกินไปนะ!!!! แนวๆประมาณ ชื่อ…..ชื่อเล่น…..มาจากรร.ไร…..ความสามารถพิเศษ…..หรืออย่างอื่นที่เราคิดว่าเป็นจุดเด่นของตนเองประมาณเนี้ยยย ดังนั้นควนจะฝึกมาตั้งแต่ที่บ้านนะครับ
2.เหตุผล ทำไมๆๆ ถึงเลือกเรียนที่นี่ สาขานี้ ในการตอบนั้น แต่ละคนอาจจะมีลักษณะคำตอบที่แตกต่างกัน แนวทางของคำตอบนั้น พยายามตอบเป็นกลางๆ คือไม่ได้ฟังดูดีมาก หรือห้วนจนเกินไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ และไม่ดูเป็นสคริปต์มากนัก และที่สำคัญ ควรตอบคำถามทุกคำถามด้วยถ้อยคำชัดเจนและสุภาพ เพื่อแสดงความมั่นใจในตัวเองและความเคารพต่อกรรมการ
3. วิชาที่ชอบและไม่ชอบ
4. อาชีพในฝัน
5. ถ้าไม่ได้เรียนที่นี่ในคณะนี้ จะเรียนที่ไหน
6. ถ้าเรียนแล้วรู้ตัวว่าคณะนี้ไม่ใช่จะทำอย่างไร ( ตอบยากมาก )
7. เรียนหนักนะจะไหวหรอ บอกไปเลยว่าจะพยายามให้ดีที่สุดถ้าได้โอกาศเข้าเรียน อย่าโม้เช่นว่า อย่างผมนะเก่งอยู่แล้วไม่มีอะไรยากสำหรับผม 55
8. ถ้าอาจารย์ถามถึงข้อเสียของเรา เช่นเคยทำอะไรให้พ่อแม่เสียใจบ้าง เคยสร้างวีระกรรมอะไรไว้บ้างก็ ตอบตามความจริง เพราะอาจารย์บางคนจะไล่ถามถ้าเราแต่งเองก็จะจนมุมในที่สุด

เจออาจารย์กวนปราสาท ( Edit1 )
อันนี้หลายคนจะโดนเพราะอาจารย์ต้องการรู้ถึงจิตใจว่าทนต่อแรงเสียดสี กดดันต่างๆได้มั้ย โดยอาจารย์หลายท่านอาจจะทำพูดแล้วแสดงออกทางเสียง รวมถึงหน้าตาด้วย ( ดูแล้วมันก็น่ากืนตวน ยิ่งนัก ) แต่น้องก็เย็นๆไว้นะโยม ถ้าตบะแตกขึ้นมาก็จบเหตุ บางคนคะแนนข้อสอบเทพมากแต่เจออาจารย์แซวนิดแซวหน่อย ฟิวส์ขาด อย่างเช่น เธอคะแนนน้อยมาก ไม่รุ้ฝ่ายพิจารณ์จะเรียก เธอมาสัมภาษณ์ทำไมนิ ( ตูจะรู้หรอ ก็คุณ ก็เรียกมาเองนิ xxx )
คะแนนน้อยแบบนี้เรียนไปก็ซิ่ว เราก็ต้องตอบอย่างใจเย็นว่า ถึงตอนนี้คะแนนน้อย แต่หนูคิดว่าหนูจะพัฒนาได้ดีกว่านี้ หนูจะตั้งใจให้มากขึ้น ขอแค่ได้มีโอกาศสักครั้ง นะคะ

ถ้าพบกับคำถามที่ตอบไม่ได้
จงอย่าอ้างว่าไม่ได้เรียนมาและอย่าแสดงสีหน้าตกอกตกกใจจนเกินเหตุ ( คิดในใจได้ซวยแล้วตู T__T) เขาอาจจะอยากลองดูไหวพริบการแก้ปัญหาของคุณ อันนี้อย่าตอบมั่วเด็ดขาด ยอมรับซะว่าไม่ทราบจริง ๆ และจะไปสืบค้นหาคำตอบภายหลัง ซึ่งแสดงว่าคุณเป็นผู้ใฝ่รู้ (ต้องทำจริง ๆ นะ) อย่าขอเปลี่ยนคำถามหรือขอผู้ช่วยเพราะไม่ใช่เกมโชว์ ( ความจริงมันก็ทำให้การสัมภาษณ์มีสีสันนะครับ แต่จะกลายเป็นตลกไม่ออก เหอะ ๆ )

สุดท้ายเมื่อจบการสัมภาษณ์ ไม่ว่าเราจะตอบได้ดีหรือไม่ดีก็ตามก็ยิ่มหวานๆ ยกมือไหว้ แล้วก็ออกจากห้องอย่าลืมเก็บเก้าอี้ให้เรียบร้อย